หากกล่าวถึงผู้นำที่มีประสิทธิภาพ และโดดเด่นที่สุดในช่วงเวลาวิกฤติการระบาดของไวรัสโคโรน่า นี้ ก็คงจะไม่พูดถึงผู้นำของ ประเทศไอซ์แลนด์ ไต้หวัน เยอรมนี และนิวซีแลนด์ ไม่ได้ ที่ได้แสดงให้ทั่วโลกได้เห็นว่าผู้นำหญิงเหล่านี้วิธีการรับมือจัดการกับโรคระบาดโควิด-19 อย่างไรกันบ้าง
แม้ว่าหลายคนจะกล่าวว่าประเทศเหล่านี้เป็นเพียง เกาะ หรือ ประเทศเล็กๆ แต่อย่าลืมว่าเยอรมนีเป็นประเทศที่ยิ่งใหญ่ หรือแม้กระทั่งอย่างสหราชอาณาจักรเองที่เป็นเกาะก็มีความยิ่งใหญ่เช่นกัน แต่กลับมีผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ที่แตกต่างกันอย่างยิ่ง ผู้นำของกลุ่มประเทศต่างๆ เหล่านี้ได้แสดงให้เราเห็นถึงวิธีการปกครองที่น่าสนใจ เรามาดูกันว่าสิ่งเหล่านั้นมีอะไรบ้าง
การพูดแต่ความจริง
ในสถานการณ์วิกฤติ อังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรี ประเทศเยอรมนี ได้ลุกขึ้นมาบอกกับประชาชนของเธออย่างสุขุม และใจเย็น แม้จะตกอยู่ในสถานการณ์การระบาดของไวรัสครั้งนี้ ที่มีความรุนแรงและอาจจะทำให้ประชาชนกว่าร้อยละ 70 ของประเทศติดเชื้อ และขอให้ประชาชนทุกคนตระหนักถึงความรุนแรงครั้งนี้
การแสดงออกของเธอทำให้ประชาชนชาวเยอรมนีระมัดระวังตัวมากขึ้น ประเทศเยอรมนีไม่มีความลังเลที่จะออกมาตรการการจัดการปัญหานี้ และเริ่มดำเนินการตรวจคัดกรองผู้ติดเชื้ออย่างรวดเร็ว ซึ่งยอดผู้ติดเชื้อสะสมในประเทศเยอรมนีนั้นต่ำกว่าหลายๆ ประเทศเพื่อนบ้านในยุโรปด้วยกัน หากเปรียบเทียบกับจำนวนประชากรที่ได้รับการตรวจเชื้อ และการรักษาหายแล้ว อีกทั้งเยอรมนีมีแนวโน้มที่จะปรับลดมาตรการการควบคุมต่างๆ ลงในเวลาอันใกล้นี้
การตัดสินใจอย่างเด็ดขาดและรวดเร็ว
ย้อนกลับไปในเดือนมกราคม ไช่ อิงเหวิน ผู้นำหญิงของไต้หวัน ได้ออกมาตรการเพื่อที่จะหยุดการแพร่ระบาดของไวรัสทันทีที่รับรู้ว่าเกิดโรคใหม่ชนิดนี้ขึ้น โดยมาตรการของเธอนั้นไม่มีการ “ปิดเมือง” อย่างประเทศอื่นๆ
ปัจจุบันเธอได้ทำการส่งหน้ากากอนามัยกว่าสิบล้านชิ้นไปยังสหรัฐอเมริกาและยุโรป ไช่ อิงเหวินได้ควบคุมและบริหารสถานการณ์วิกฤติครั้งนี้ได้อย่างดีเยี่ยม โดยปัจจุบันมีรายงานยอดผู้เสียชีวิตเพียง 6 รายเท่านั้น
จาซินดา อาร์เดิร์น ผู้นำประเทศนิวซีแลนด์ ได้ออกมาตราการสูงสุด และการปิดเมืองอย่างชัดเจน เธอได้กำหนดให้กักตัวผู้เดินทางเข้าประเทศตั้งแต่เริ่มมีการพบผู้ป่วยในประเทศของเธอเพียง 6 ราย และประกาศห้ามคนต่างชาติเข้าประเทศในเวลาต่อมาไม่นาน
ซึ่งการตัดสินใจที่เด็ดขาดและชัดเจนนี้ทำให้ประเทศนิวซีแลนด์รอดพ้นจากวิกฤติ โดยมีจำนวนผู้เสียชีวิตเพียง 4 รายเท่านั้นตอนกลางเดือนเมษายน และในขณะที่นานาประเทศกำลังพิจารณาการลดระดับความเข้มข้นของมาตรการ แต่ประเทศนิวซีแลนด์นั้นกลับเพิ่มข้อกำหนดให้ประชาชนชาวนิวซีแลนด์ทุกคนที่เดินทางกลับเข้าประเทศทุกคนจะต้องกักตัวในสถานที่ที่ทางรัฐบาลได้จัดเตรียมเอาไว้ให้เป็นระยะเวลา 14 วัน
เทคโนโลยี
คาทริน ยาคอบส์ดอททีร์ นายกรัฐมนตรี ประเทศไอซ์แลนด์ ได้ทำการตรวจคัดกรองประชากรทุกคนของประเทศไอซ์แลนด์โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ซึ่งการตรวจคัดกรองนี้จะเป็นกรณีตัวอย่างสำหรับการศึกษาการแพร่กระจายตัวและระยะเพาะเชื้อของไวรัสโคโรนา
ในขณะที่ประเทศอื่นๆมีการจำกัดจำนวนการตรวจคัดกรองไว้สำหรับผู้ที่มีอาการ ประเทศไอซ์แลนด์ได้ทำในสิ่งที่ตรงกันข้าม โดยหากเทียบเป็นอัตราส่วนแล้วนั้น ประเทศไอซ์แลนด์ได้ทำการตรวจคัดกรองมากกว่าประเทศเกาหลีใต้ถึง 5 เท่า และมีการใช้ระบบติดตามตัวผู้ป่วย ทำให้ประเทศไอซ์แลนด์ไม่จำเป็นที่จะต้องล็อคดาวน์ หรือปิดสถานศึกษา
ซานนา มาริน ผู้นำประเทศฟินแลนด์ ที่ได้รับการเลือกเข้ามาดำรงตำแหน่งเมื่อเดือนธันวาคม ซึ่งเธอยังถือว่าเป็นผู้นำที่อายุน้อยที่สุดในโลกอีกด้วย
จุดเด่นของการต่อสู่กับไวรัสโคโรนาของ ซานนา มาริน คือการสื่อสารผ่านทางผู้มีอิทธิพลทางโซเชียลมีเดีย เธอตระหนักว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะติดตามข่าวสารผ่านการอ่านสื่อสิ่งพิมพ์ เธอจึงเชิญผู้มีอิทธิพลทางโซเชียลมีเดียเหล่านี้มาเป็นผู้ให้ข้อมูลข่าวสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
ความรัก
อานา ซูลบาร์ก นายกรัฐมนตรี ประเทศนอร์เวย์ ได้ใช้วิธีการสื่อสารไปยังเยาวชนผ่านทางโทรทัศน์ โดยจัดการแถลงข่าวที่มีเพียงเยาวชนเข้ามาตั้งคำถาม เธอตอบคำถามที่ได้รับจากเยาวชนทั่วประเทศนอร์เวย์ เธอให้เวลากับการอธิบายกับเยาวชนเหล่านี้ว่ามันไม่แปลกที่พวกเขาจะมีความกลัว
เช่นเดียวกันกับ เมตเต เฟรเดอริกเซน นายกรัฐมนตรี ประเทศเดนมาร์ก ที่จัดรายการสื่อสารไปยังประชาชนและเยาวชนในลักษณะเดียวกัน
ความใส่ใจและความเห็นอกเห็นใจจากผู้นำหญิงเหล่านี้ ที่ได้สื่อสารผ่านถึงประชาชนของเธอนั้น เป็นสิ่งที่เราไม่ค่อยจะคุ้นเคยนัก เป็นการสื่อสารที่ให้ความรู้สึกราวกับว่าเราได้รับการโอบกอด คุ้มครอง ดูแลอย่างใกล้ชิดจากผู้นำ คงไม่มีใครคิดว่าเราจะได้รับการดูแลจากผู้นำด้วยวิธีการที่อ่อนโยนเช่นนี้ ซึ่งต่างจากผู้นำท่านอื่นๆ ที่บางครั้งใช้วิธีการโยนความผิด การสร้างภาพลบให้กับผู้อื่น
ถึงแม้ที่ผ่านมามีงานวิจัยมากมายที่แนะนำว่าการปกครองโดยผู้นำหญิงจะสามารถสร้างความแตกต่างและเป็นมีข้อดีมากมาย แต่ปัจจุบัน หน่วยงานภาครัฐ รวมถึงบริษัท องค์กรต่างๆ ก็ยังคงสร้างค่านิยมให้ผู้หญิงจะต้องปฏิบัติตนเหมือนผู้ชาย โดยเฉพาะผู้หญิงที่ต้องการที่จะเป็นผู้นำ หรือต้องการที่จะประสบความสำเร็จในอาชีพ ผู้นำหญิงเหล่านี้คือกรณีตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงคุณสมบัติของผู้นำที่ในบางครั้งผู้ชายควรจะต้องเรียนรู้วิธีการแก้ปัญหาจากผู้หญิงบ้าง
Comments