หนาวนี้หนาวไหน ก็ไม่พ้นโซนนี้ ใครได้ไปแล้วต้องหลงใหล!
ตอนที่ 1
มาเริ่มกันจากเมือง Montreux ของสวิสเซอร์แลนด์ สู่ Chamonix-MontBlanc ของฝรั่งเศส เป็นอีกเส้นทางหนึ่งที่นักท่องเที่ยวนิยมกันค่ะ ด้วยอภิสิทธิ์จากตั๋ว Swiss Pass จะเที่ยวแบบวันเดียวเช้าไปเย็นกลับก็ได้ หรือ จะค้างสักคืนที่ Chamonix ก็น่าพิสมัยยิ่งนัก ซึ่งมีหลายท่านให้ความสนใจสอบถามกันเข้ามา และขอให้นำรูปงามๆ มาอวดกันบ้าง เลยนำมาเป็นน้ำจิ้มสรุปการเดินทางไปพร้อมกับรูปภาพให้ดูกันอีกทีนะค่ะ
เริ่มกันที่ยามเช้าที่ Montreux ชมทะเลสาบ Lac Leman อันแสนสวย นั่งรถไฟสวิสไปเปลี่ยนรถที่ Martigny กับการบริการสะดวกสบาย นั่งชมวิวทิวทัศน์ตลอดเส้นทางกันแบบชิวๆ แล้วต่อ รถไฟ Mont-Blanc Express ไปสุดชายแดนสวิส-ฝรั่งเศสที่ Vallorcine เพื่อต่อรถไฟท้องถิ่นแต่เริ่ดทีเดียว สู่ Chamonix-MontBlanc เมื่อถึงแล้วก็เคเบิลคาร์ไปชมยอดเขา MontBlanc ยอดเขาที่มีหิมะปกคลุมกันตลอดปี (ตลอดชาติ) เพราะสูงที่สุดในยุโรปและเป็นที่เที่ยวยอดนิยมจากทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นคนท้องถิ่นของเขาเอง ชาวยุโรป อเมริกา แคนาดา เอเชียที่เห็นมากก็ญี่ปุน เกาหลี อินเดีย และอินโดนีเซีย และมากมาย อ้อที่พบมาก คือ เกี่ยวแขนมาฮันนีมูนกันค่ะ ตามชมกันเลยค่ะ
ตอนที่ 2
แอดมินเดินทางออกจาก Montreux ช่วงเช้าค่ะด้วยรถท้องถิ่น IR เพื่อไปต่อ Mont-Blanc Express ที่ Martigny และเปลี่ยนรถอีกครั้งที่ Vallorcine ชายแดนระหว่างสวิสและฝรั่งเศส ชมบรรยากาศภายในรถไฟและความสดชื่นกันได้เลยค่ะ
ตอนที่ 3
การเดินทางจาก Montreux, สวิสเซอร์แลนด์ สู่ Chamonix-Mont Blanc ฝรั่งเศส
วันนี้เป็นช่วงที่เดินทางถึงเมือง Chamonix หรือเมืองชาโมนี ซึ่งเป็นหมู่้บเานเล็กๆของฝรั่งเศสติดพรมแดนของประเทศสวิสเซอร์แลนด์และอิตาลี ที่สำคัญมีเทือกเขาแอลป์ Alps เป็นส่วนที่กั้นพรมแดน ชาโมนีเป็นเมืองเล็กๆน่ารักที่ปัจจุบันได้กลายสภาพเป็นเมืองรีสอร์ตหรูยอดนิยมอีกแห่งหนึ่งของนักเดินทางทั้ง่ในประเทศฝรั่งเองและจากทั่วโลกที่ตั้งใจมาเยือนเพื่อเป็นจุดต่อไปสู่เทือกเขาแอลป์ฝรั่งเศสนั่นคือ Mont Blanc ยอดเขาที่สูงที่สุดในยุโรปและมีหิมะตลอดทั้งปี มีกิจกรรมมากมาย และความงดงามเชิญชวนนักท่องเที่ยวมาเยือนเสมอ
ชาโมนี ตั้งอยู่ในหุบเขาแคบที่โอบล้อมไปด้วยเทือกเขาหิมะตลอดปี ไม่ว่าคุณจะอยู่ ณ บริเวณไหนของเมืองน้อยๆ แห่งนี้คุณก็จะสามารถมองเห็นยอดเขามงต์บล็อง Mont Blanc ได้ชัดเจน และนี่คือเสน่ห์ที่เย้ายวนของเมืองนี้ติดตามชมภาพเมืองน่ารักๆ กันได้เลยค่ะ
ตอนสุดท้าย
จาก Montreux สู่ Chamonix Mont-Blanc หล้งจากเดินชมเมืองชาโมนีสักพัก ก็มุ่งหน้าไปขึ้นเคเบิ้ลคาร์เพื่อไต่ลำดับสู่ยอดเขามงต์บล็องกันค่ะ ค่าตั๋วแพงสักหน่อยนะคะแต่ก็มีให้เลือกหลายแบบ แอดมินจ่ายๆ 50 Euro ค่ะ แต่ก็คุ้มค่ากับความงามของธรรมชาติที่รอเราอยู่ข้างบน ซึ่งจะมี 2 สถานีด้วยกัน สถานีแรกคือ Plan de l'Aiguille ที่ความสูง 2310 m. และสถานที่ 2 คือ Aiguille du Midi ที่ความสูง 3777 m. จากนั้นเราต้องต่อลิฟท์ไปจนถึงความสูงสูงสุดที่ 3842 m ค่ะ cable car ของที่นี่ถือว่าเป็นเคเบิ้ลคาร์ที่ชันที่สุดและสูงที่สุดในโลก และยังมีขนาดใหญ่มากเพราะสามารถจุนคนได้ถึง 72 คน ใช้เวลาจากเมืองชาโมนี ถึงสถานีสุดท้ายรวมเวลาประมาณ 20 นาทีค่ะ
ไปชมมงต์บล็องที่ความสูง 3842 เมตร ด้วยลิฟต์ที่ได้รับการติดตั้งไว้ในภายหินขนาดใหญ่ โดยขึ้นไปอีก 42 เมตร ก็จะเป้นส่วนที่ใก้ลที่สุดที่เราจะสัมผัสยอดมงต์บล็องได้ โดยไม่ต้องเหนื่อยแรงปีนเขาค่ะ แหะแหะ แต่ถ้าใครอยากไปให้สุดๆ ไปเลก็สามารถเดินต่อไปได้จนถึงยอดเขามงต์บล็องที่สูงที่สุดในยุโรปที่ ความสูง 4808 เมตรค่ะ
ด้านบนของ l'Aiguille du Midi มีระเบียงให้ชมวิวหลายด้านค่ะ สามารถมองเห็นเทือกเขาแอลป์สวิตเซอร์แลนด์ ฝรั่งเศส และอิตาลี ได้ทั้งหมด แถมในวันที่อากาศดีๆ ทอดสายตายาวออกไปยังอาจเห็น matterhorn อีกด้วยค่ะ
l'Aiguille du Mini หรือ needle of the noon จะแปลว่าอะไรดี เข็มชี้เที่ยงวัน หรือเปล่าค่ะ เหตุเป็นเพราะ ยอดรูปเรียวแลมด้านบนที่เราเห็นน่ะค่ะ เมื่อมองจากเมืองชาโมนี ในช่วงเวลาเที่ยงวันดวงอาทิตย์จะผ่านบริเวณส่วนที่เป้นยอดเขาพอดี นี่แหละค่ะเสน่ห์ที่สรรสร้างด้วยมือของธรรมชาติ เป็นอีกเรื่องที่น่าอัศจรรย์ใช่มั๊ยค่ะ
ด้านบนยังมีร้านอาหารที่ชื่อว่า Restaurant 3842 ถือว่าเป็นหนึ่งนภัตตาคารที่สูงที่สุดในโลกค่ะ อชแอดมินได้มีโอกาสไปลิ้มรสความอร่อยแต่ต้องจองล่วงหน้านะคะ ไม่งั้นหมดสิทธิ์ค่ะ
หลังจากเดินเล่นสำราญใจ สูดบมหายใจเต็มปอด เก็บภาพเป็นที่ระลึก และเป็นตากล้องให้นักท่อเงที่ยวที่มากันเป็นครอบครัว โดยเฉพาะคู่ฮันนีมูน ก็แอบแว่บไปหากาแฟดื่มอุ่นเครื่องกันหน่อยค่ะ แกล้มกับความงามของยอดเขามงต์บล็อง ขอแอบเริ่ดกับความงามของธรรมชาตินิดหนึ่งค่ะ
Photo by Nawinee